#อาสาสรุป “5 ขั้นตอน” ทำ Influencer Marketing ให้ปัง! ในงบที่จำกัด จากบทความ What Will Influencer Marketing Look Like in 2021?

Krittamate Pramniya
4 min readJun 30, 2021

#อาสาสรุป “5 ขั้นตอน” ทำ Influencer Marketing ให้ปัง! ในงบที่จำกัด จากบทความ What Will Influencer Marketing Look Like in 2021?

.

#อาสาสรุป “5 ขั้นตอน” ทำ Influencer Marketing ให้ปัง! ในงบที่จำกัด จากบทความ What Will Influencer Marketing Look Like in 2021?

หลายคนคงคุ้นเคยกับการทำ “Influencer Marketing” มาบ้าง มันคือการให้บรรดาคนดังหรือผู้ที่มีคนติดตามเยอะ ๆ ช่วยรีวิวสินค้า เพื่อให้สินค้าของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น

.

แน่นอนว่าสำหรับ SME หรือแบรนด์ที่มีงบประมาณจำกัด ก็อาจจะไม่สามารถจ้าง Influencer ที่มีค่าตัวแพง ๆ ได้ หรือเมื่อจ่ายเงินไปแล้วก็ไม่รู้ว่าของจะขายได้หรือเปล่า ถือเป็นการรับความเสี่ยงที่สูง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา

.

ไม่กี่วันก่อนได้ไปอ่านบทความเรื่อง “What Will Influencer Marketing Look Like in 2021?” จาก Hubspot และนำมาสรุปเป็น “5 ขั้นตอน” ทำ Influencer Marketing ให้ปัง! ในงบที่จำกัด เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังอยากทำ Influencer Marketing ครับ

.

— — — —

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนด “เป้าหมาย” ให้ชัดเจน

.

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนด “เป้าหมาย” ให้ชัดเจน

ก่อนจะเริ่มทำ Influencer Marketing เราต้องรู้ก่อนว่าใครคือ “กลุ่มเป้าหมาย” ยิ่งเห็นภาพชัดยิ่งดี และเป้าหมายของการทำการตลาดครั้งนี้ “ทำไปเพื่ออะไร?” เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย ต้องการให้คนพูดถึง ต้องการให้คนจดจำ ต้องการให้คนบอกต่อ หรืออื่น ๆ เพราะมันจะมีผลต่อการคัดเลือก Influencer เป็นอย่างมาก

.

“การตั้งเป้าหมาย” เปรียบเสมือนเป็น “การติดกระดุมเม็ดแรก” ของการทำการตลาด

.

— — — —

ขั้นตอนที่ 2 : เลือก Influencer ให้ตอบโจทย์ “กลุ่มเป้าหมาย” และ “แบรนด์” ของเรา

.

ขั้นตอนที่ 2 : เลือก Influencer ให้ตอบโจทย์ “กลุ่มเป้าหมาย” และ “แบรนด์” ของเรา

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Influencer Marketing หนีไม่พ้นการเลือก Influencer เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายที่เราตั้งไว้ แน่นอนว่าในขั้นตอนนี้เราต้องศึกษาพฤติกรรมของ “กลุ่มเป้าหมาย” ให้ดี ว่าคนกลุ่มนี้ติดตาม ชื่นชอบ หรือเชื่อมั่นคนประเภทไหน ใครที่จะสามารถโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายของเราได้

.

และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า Influencer ต้องสอดคล้องกับ “แบรนด์” ของเราด้วย อยากให้คนจดจำแบรนด์เราแบบไหนในระยะยาว

.

ยกตัวอย่าง “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ถ้าต้องการใช้ Influencer เพื่อโปรโมทคอนโดเจาะกลุ่มเป้าหมาย “ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง” ที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และอยากยกระดับแบรนด์เราให้มีความ Luxury มากขึ้น คุณบูม ธริศ จากช่อง BoomTharis ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการทำ Influencer Marketing ในครั้งนี้

.

— — — —

ขั้นตอนที่ 3 : ใช้ Content ให้เหมาะกับแต่ละ “ช่องทาง”

.

ขั้นตอนที่ 3 : ใช้ Content ให้เหมาะกับแต่ละ “ช่องทาง”

แน่นอนว่าในแต่ละช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ผู้ใช้งานย่อมมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน และเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสนใจในแต่ละช่องทางก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกใช้ Content ในแต่ละช่องทางจึงมีความสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น

.

1.Facebook

เป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย เหมาะสมกับการทำ Content แทบทุกประเภท ตั้งแต่รูปภาพ วิดีโอ บทความ ไปจนถึง Live Streaming

.

.

2.Twitter

เหมาะกับ Content ที่เป็นข้อความไม่เกิน 280 ตัวอักษร ประกอบกับรูปภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ และควรติด Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนั้น ๆ

.

.

3.Youtube

เป็นกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะด้าน เช่น แฟชั่น ความงาม การทำอาหาร ดนตรี หรือเทคโนโลยี เหมาะกับวิดีโอที่มีความยาว และ Live Streaming

.

.

4.Instagram

เจาะกลุ่มวัยรุ่น เน้นการเสพสื่อที่เป็นรูปภาพ หรือวิดีโอสั้น ๆ ในรูปแบบของ Post, Stories, และ IG TV ควรทำ Content ที่เน้นเรื่องไลฟ์สไตล์

.

.

5.TikTok

เน้น Content ที่ให้ความบันเทิง สนุกสนาน หรือนำเสนอไลฟ์สไตล์ในด้านต่าง ๆ เหมาะกับวิดีโอแนวตั้ง ที่มีความยาวไม่เกิน 1 นาที

.

— — — —

ขั้นตอนที่ 4 : เรียนรู้และปรับใช้ “เครื่องมือการตลาด” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

.

ขั้นตอนที่ 4 : เรียนรู้และปรับใช้ “เครื่องมือการตลาด” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเครื่องมือทางการตลาด

1.SEO (Search Engine Optimization)

SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อลูกค้าของคุณค้นหาข้อมูลทาง Search Engine เช่น Google เป็นต้น โดยคุณต้องมีการปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มี Keyword ที่ตรงกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมายนั้นเอง

.

.

2.CPAS (Collaborative Performance Advertising Solution)

เป็นช่องทางการโฆษณาที่เกิดจากการร่วมมือของแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Shopee, Lazada กับ Facebook โดยร้านค้าในแพลตฟอร์ม E-Commerce สามารถยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายใน Facebook ได้โดยตรง

.

3.GDN (Google Display Network)

เป็นการโฆษณาผ่าน Google Adwords โดยคุณสามารถอัพโหลดข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอ ไปแสดงผลในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ร่วมกับ Google Display Network โดยวิธีนี้สามารถช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย และสามารถใช้วิธี Retargeting ในการยิงโฆษณาไปหาผู้ที่เคยเห็นสินค้าของคุณมาก่อน จากเว็บไซต์อื่น ๆ ได้อีกด้วย

.

4.Email Marketing

เป็นวิธีการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Email เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ยินยอมรับข่าวสารจากแบรนด์ ซึ่งสามารภแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

.

“Transactional Email”

ลูกค้าจะได้รับเมือมีการทำธุรกรรมกับแบรนด์ เช่น Email ยินดีต้อนรับลูกค้าใหม่ หรือ Email เพื่อสำรวจความคิดเห็นในการให้บริการ

.

“Promotion Email”

ใช้เพื่อประชาสัมพันธ์สิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับลูกค้าโดยตรง

.

“Lifecycle Email”

เป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในทุก ๆ ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Journey) ตั้งแต่การแนะนำแบรนด์ไปจนถึงการกระตุ้นให้เกิดการใช้ซ้ำ

.

— — — —

ขั้นตอนที่ 5 : “ติดตามและวัดผล” เพื่อพัฒนาได้อย่างตรงจุด

.

ขั้นตอนที่ 5 : “ติดตามและวัดผล” เพื่อพัฒนาได้อย่างตรงจุด

ในการทำการตลาดที่ดี สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการ “ติดตามและวัดผล” เพราะมันจะทำให้รู้ว่ากลยุทธ์การตลาดที่เราทำนั้น อันไหนที่เวิคและไม่เวิค จุดไหนที่ควรปรับปรุง และส่วนไหนสามารถนำมาต่อยอดได้ โดยวิธีการวัดผลของ Influencer Marketing สามารถทำได้หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น

.

1.Social Media/Web Traffic

คือ ข้อมูลที่วัดผลว่าลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมช่องทางของแบรนด์มากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สามารถบงชี้ได้ว่า Influencer สามารถช่วยดึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้หรือไม่ โดยสามารถวัด Traffic ได้จากเครื่องมืออย่าง Google Analytics นั้นเอง

.

2.Engagement Rate

หากคุณต้องการสร้างการรับรู้หรือการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ตัวชี้วัดอย่าง Engagement Rate จะสามารถบอกคุณได้ว่าสิ่งที่คุณทำมาถูกทางหรือไม่ โดยวัดจากจำนวนครั้งที่กลุ่มเป้าหมายเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับ Content ของ Influencer ไม่ว่าจะเป็น Like, Share หรือ Comment ซึ่งคุณสามารถเอาข้อมูลเหล่านี้ไปคำนวณเป็น Cost per Engagement ได้อีกด้วย

.

3.Conversion Rate

บางแพลตฟอร์มการวัด Engagement นั้นทำได้ยาก ดังนั้นอาจใช้ตัวชี้วัดอย่าง Conversion Rate หรือ จำนวนยอดขายที่เกิดจาก Influencer แทนได้ ยอดขายจากแคมเปญสามารถวัดได้หลายวิธี เช่น การใช้ Reference Code ที่แตกต่างกันของ Influencer แต่ละคน ที่ใช้ในการโปรโมทสินค้า

.

— — — —

สำหรับผู้ที่สนใจ Influencer Marketing เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ในงบที่จำกัด!

.

“Kollective Match”

ผมขอแนะนำ “Kollective Match”

เครื่องมือทำ Influencer Marketing ครบวงจรตั้งแต่การสร้างและจัดการแคมเปญ ไปจนถึงการเลือก Influencer และติดตามผลลัพธ์เลยทีเดียว!

.

พิเศษสำหรับแฟนเพจ The Conclusion

รับส่วนลด 5,000 บาท จำนวน 100 แบรนด์

ที่ลงทะเบียนผ่านลิ้ง https://bit.ly/KollectivexTheConclusion

และทำการตลาดถึง 50,000 บาท ภายในวันที่ 20 ก.ค. 64 เท่านั้น

.

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Influencer Marketing ได้ที่ Facebook : Kollective — Integrated Influencer Marketing Optimizer

.

#Kollective x #TheConclusion

— — — — — — — — —

Facebook: https://www.facebook.com/theconclusion.th

.

เข้ากลุ่มอาสาสรุป : http://bit.ly/TheConclusionGroup

.

The Conclusion Channel: https://bit.ly/SubscribeTheConclusion

--

--